สงสัยกันบ้างไหมครับว่าที่ปลายปีกของเครื่
ด้วยเจตนาของผู้ผลิตเครื่องบินในการออกแบบ
นอกเหนือจากอันตรายที่เกิดจาก Wingtip vortex แล้ว มันทำให้ประสิทธิภาพในการสร้างแรงยกของปีก
ค่ายโบอิ้งคิดค้น Blended wingtip เพื่อติดตั้งบนเครื่องบินแบบ Boeing 737 NG ในรุ่นแรกๆ แล้วก็ผลิตแบบ Split Scimitar winglet รูปร่างคล้ายดาบโง้งของชาวอาหรับ สำหรับ B737-800 และ B737-900ER ที่ผลิตในปีคศ.2014 จนมารุ่นล่าสุด B737 MAX ที่ติดตั้ง Advanced technology winglet
(AT winglet) ที่นำเอาข้อดีของ Raked wingtip กับ dual feather winglet มารวมกัน
มาดูรุ่นใหญ่ของโบอิ้งกันบ้าง B767-400ER B777-200LR B777-300ER B747-800 B787-8 และ B787-9 และ B777X ที่กำลังผลิตขึ้นมาในอนาคต เปลี่ยนมาติดตั้ง Raked wingtip ที่มีความโค้งมนและลู่ไปด้านหลังในแนวนอนม
หันกลับมาดูทางแอร์บัส A320 Familly ในรุ่นแรกๆยังไม่ได้ติดตั้ง Winglet เพิ่งมารุ่นหลังนี่เองที่เริ่มติดตั้ง Wingtip fence รูปร่างคล้ายจรวดปลายปีก ซึ่งช่วยลด Spiral-shaped vortex ทำให้ลด Aerodynamic drag ลงไปพอสมควร ซึ่งแอร์บัสรุ่นใหญ่อย่าง A380 ก็ใช้ Wingtip fence ลักษณะคล้ายกันเนื่องจากปัญหาของความยาวปี
A350 XWB พัฒนาเทคโนโลยี่ใกล้เคียงกับ B787 ลักษณะของปลายปีกจะเป็น Raked wingtip ที่มีความโค้งมนและลู่ไปด้านหลังมากขึ้น เหมาะสมกับการบินระยะไกลถึงไกลมาก ( Long to Ultra long range aircraft ) เพื่อลดแรงต้านทางอากาศพลศาสตร์เป็นหลักมา
เดินทางด้วยเครื่องบินคราวหน้า เหลือบดูปลายปีกเครื่องบินสักนิด สนุกดีนะครับ
-----
CR รูปสวยๆจาก
www.boeingimages.com
www.flickr.com
www.airliners.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น