Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

Wake Vortex Turbulence - กระแสอากาศปั่นป่วน

Wake Vortex Turbulence - กระแสอากาศปั่นป่วน



อันตรายอย่างหนึ่งที่นักบินจะต้องระวังก็คือ Wake Vortex Turbulence ครับ มันคือกระแสอากาศปั่นป่วนที่เกิดจากการม้วนตัวของอากาศที่ปลายปีก( Wing-tip vortices) เกิดขึ้นตามหลังเครื่องบินที่เคลื่อนตัวไป มันเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เครื่องบินยกล้อหัวลอยขึ้นจากรันเวย์จนกระทั่งล้อหัวแตะพื้นอีกครั้งเมื่อลงจอด

ต้นกำเนิดของการเกิด Wing-tip vortices ที่ม้วนตัวในทิศทางตรงข้ามออกจากปลายปีกทั้งสองข้างนั้นเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติครับ แรงยกที่เกิดจากความแตกต่างของแรงดันอากาศระหว่างผิวปีกด้านบนกับด้านล่างทำให้เกิดการม้วนตัวของกระแสอากาศออกไปทางด้านหลังของปีกทั้งสองข้าง สามารถมองเห็นได้ในวันที่มีความชื้นสูง จะเห็นเป็นเกลียวม้วนตัวออกจากปลายปีก

ความรุนแรงของการปั่นป่วนนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องบิน ซึ่งอาจจะแรงพอที่จะทำอันตรายแก่เครื่องบินขนาดเบากว่าที่ตามหลังเครื่องบินขนาดใหญ่ได้ ปัจจัยที่สำคัญที่กำหนดความรุนแรงของมันนั้นก็คือสภาพอากาศในขณะนั้น หากเป็นลมนิ่งสงบที่ระยะต่ำ หรือที่ระยะสูงในสภาพอากาศบาง เมื่อมันก่อตัวขึ้นแล้ว เจ้า Vortices นี่จะค่อยๆร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าจนถึงพื้นดินสิ้นฤทธิ์ไป สภาวะลมแรงบนพื้นดินจะทำให้อิทธิพลของ Vortices นี้ลดลงไปอย่างมาก รวมไปถึงกระแสลมขวางทางการเคลื่อนที่ที่จะพัดมันออกไปจากเส้นทางการบิน

Wing-tip vortices จะอันตรายสุดๆเมื่อเครื่องบินของเราบินตามกันไปในระยะกระชั้นชิด มันเกิดขึ้นได้เมื่อเครื่องบินวิ่งขึ้นหรือลงจอดตามกัน โดยเฉพาะสนามบินที่มีการขึ้นลงของเครื่องบินถี่ การเกิด Wing-tip vortices จะทำอันตรายได้รุนแรงถึงขนาดทำให้ไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้และเกิดอุบัติเหตุตามมา หรืออาจจะทำให้ระบบ Autopilot ของเครื่องบินที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวหยุดการทำงาน หากนักบินไม่ระวังในสถานการณ์ดังกล่าว หายนะย่อมตามมาโดยง่าย

เครื่องบินที่ไต่หรือร่อนด้วยอัตราการไต่หรือร่อนที่มากกว่า 1000 ฟุตต่อนาทีจะทำให้เกิด Wing-tip vortices ที่รุนแรง เครื่องบินที่บินตามมาต้องระวังให้ดีครับ โดยเฉพาะช่วงวิ่งขึ้นหรือลงจอดนั้น นักบินจะต้องกำชับลูกเรือให้ระมัดระวังให้ดีเพราะอาจจะยังไม่สามารถนั่งประจำที่ได้ทันทีเนื่องจากภาระหน้าที่มากมายระหว่างวิ่งขึ้นหรือลงจอดนั่นเอง

พอเขียนมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านคงต้องสงสัยแน่นอนว่า แล้วจะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงมันอย่างไรหล่ะ?

มีวิธีป้องกันครับ

เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศจะกำหนดระยะห่างมาตรฐาน ( Standard separation) ให้กับเครื่องบินที่กำลังวิ่งขึ้นหรือลงจอด ระยะห่างมาตรฐานดังกล่าวขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องบิน โดยใช้คำแนะนำที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้แนะนำไว้ เรียกว่า ICAO Wake Turbulence Category ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีมาตรฐานใหม่ที่ทำให้ปลอดภัยมากขึ้น โดยประเทศสหรัฐอเมริกาและในยุโรปบางประเทศได้กำหนดมาตรฐานดังกล่าวขึ้นมาใช้งานทดแทนมาตรฐานเดิม นั่นคือ RECAT-Wake Turbulence Re-categorisation ซึ่งหากมีโอกาสจะมาอธิบายให้ฟังกับอีกรอบนะครับ

และสำหรับปัญหาอันตรายจาก Wing-tip vortices ขณะบินระดับอยู่ในเส้นทางบินนั้น ถึงแม้จะเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยเท่ากับขณะวิ่งขึ้นหรือลงจอด แต่หากเกิดขึ้นแล้วย่อมเกิดผลกระทบรุนแรงเพราะเป็นช่วงที่ลูกเรือและผู้โดยสารอาจจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่เตรียมพร้อมสำหรับอันตรายดังกล่าว แต่พอจะเบาใจได้ว่า Standard separation ที่เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศได้กำหนดให้ระหว่างเครื่องบินที่บินตามกันในเส้นทางเดียวกันนั้น สามารถบรรเทาปัญหาดังกล่าวไปได้มากครับ

นักบินผู้ซึ่งรับผิดชอบความปลอดภัยในการบิน สามารถช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้มากครับ โดยการเพิ่มความระแวดระวัง (Situational awareness) คอยเฝ้าฟังวิทยุว่ามีเครื่องบินลำอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียงบ้างหรือไม่ หรือตรวจดูจากระบบ TCAS (Traffic-alert Collision Avoidance System) หากพบว่ามีเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่กว่าบินอยู่ข้างหน้าในเส้นทางเดียวกันและมีระยะห่างจากเครื่องบินของเราไม่ถึง 10 ไมล์ ก็ควรจะแจ้งเตือนลูกเรือให้ระมัดระวังและเปิดสัญญาณรัดสายเข็มขัดที่นั่ง (Seat belt sign) เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ

———-

Cr:
www.skybrary.aero
en.wikipedia.org
พจนานุกรมอภิธานศัพท์การบินสำหรับบุคลากรฝ่ายปฏิบัติการบิน - รำจวน นภีตะภัฏ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น