Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2560

Parents vs their kids


Parents vs their kids

เมื่อวานนี้ได้ไปร่วมงาน Thailand Aviation Expo ครั้งที่หนึ่งของประเทศไทย รู้สึกได้ถึงความตั้งใจของผู้จัดงาน และรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของทุกท่านที่ไปร่วมงานในครั้งนี้ เป็นปลื้มแทนคนจัด ขอแสดงความชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ในการจัดงานในครั้งต่อๆไปนะครับ เยี่ยมจริงๆ
จากที่ผมกับครูหนุ่ยได้พบกับน้องๆหลายท่านที่เข้ามาพูดคุยและถ่ายรูปร่วมกัน มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและกำลังใจเต็มเปี่ยม การเดินทางไปสู่จุดหมายที่ตั้งใจนั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ มันอยู่ที่การวางแผนและเตรียมตัวเองให้พร้อมที่สุดเมื่อวันนั้นมาถึง

ในงานนี้มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่พาลูกหลานมาดูงาน บางท่านก็มาดูแทนคุณลูกก็มี ผมเห็นแววตาแห่งความเป็นห่วงลูกหลาน ที่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จโดยการได้เป็นนักบินดั่งฝัน ทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ครูหนุ่ยกับผมได้ถ่ายทอดผ่านรายการ Inside Cockpit ทางยูทูปแชนเนล และผ่านเพจ Insidecockpitthailand นั้นมาถูกทางแล้ว เรากำลังช่วยกันจุดไฟเพื่อโหมกระพือให้ลุกโชน ไฟแห่งความหวังและอนาคตที่สดใสของน้องๆหลายคน

การเลี้ยงดูบุตรหลานเพื่อให้ประสบความสำเร็จนั้นมันต้องมีเคล็ดลับ ความรักความเอาใจใส่ที่ผู้ปกครองให้กับลูกหลานนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของเด็กๆ ผมได้อ่านบทความจากเว็บไซด์ businessinsider.com เกี่ยวกับการที่ผู้ปกครองที่เลี้ยงดูบุตรหลานให้ประสบความสำเร็จนั้น มีปัจจัยอะไรที่เหมือนหรือคล้ายกันบ้าง และได้ข้อสรุปมาทั้งหมด 13 ข้อดังนี้

1.ให้บุตรหลานช่วยทำงานบ้านหรือดูแลตัวเอง เช่นให้รับผิดชอบการล้างจาน กวาดถูบ้าน หรือไปทิ้งขยะ เพื่อสอนให้รู้ว่าต้องมีคนที่รับผิดชอบในงานบ้านเพื่อส่วนรวม และนั่นจะทำให้เด็กรู้จักกับคำว่า ความรับผิดชอบนั่นเอง

2.สอนให้บุตรหลานมีทักษะทางสังคม จากผลการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ใช้เวลาเก็บข้อมูลนานถึงยี่สิบปี สรุปได้ว่าเด็กที่ให้ความร่วมมือกับเพื่อนร่วมชั้น เต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น และสามารถแก้ปัญหาตัวเองได้ มีแนวโน้มที่จะเรียนจบและได้งานที่ดีทำก่อนอายุยี่สิบห้าปี และเด็กที่มีข้อด้อยในทักษะที่ว่ามาข้างต้น ก็จะมีเส้นทางชีวิตที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

3.ความคาดหวังของผู้ปกครองต่อบุตรหลานมีผลต่อความสำเร็จของบุตรหลานอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่ที่อยากเห็นความสำเร็จของบุตรหลานโดยการวาดภาพในฝันว่าลูกหลานของตนสามารถเรียนหนังสือจบและได้คะแนนดี ก็จะพยายามบริหารจัดการบุตรหลานของตนให้สำเร็จตามเป้าหมายให้ได้ ไม่ว่าผู้ปกครองจะมีฐานะการเงินอย่างไรก็ตาม

4.ครอบครัวที่อบอุ่นจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของบุตรหลานของตน การหย่าร้างหรือความขัดแย้งระหว่างคุณพ่อคุณแม่ที่เกิดขึ้น มันจะขัดขวางพัฒนาการของเด็กและทำให้เกิดความหดหู่ ไม่อยากเรียนรู้หรือปรับปรุงตัวเอง แต่ใช่ว่าการหย่าร้างทุกกรณีจะทำให้เกิดปัญหาต่อเด็ก หากหลังจากการหย่าร้าง คุณพ่อหรือคุณแม่ที่ต้องแยกตัวออกไป ได้กลับมาพบกับลูกได้บ่อยโดยไม่เกิดความขัดแย้งหลังการหย่า ก็จะไม่ทำให้เด็กแย่ลงครับ

5.การวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า คุณแม่ที่เรียนจบระดับอุดมศึกษาหรือมัธยมปลาย ก็จะมีแนวโน้มที่จะส่งเสียลูกหลานให้เรียนจบเหมือนกับที่ตนเรียน อีกผลการวิจัยหนึ่งพบว่าเด็กที่เกิดกับคุณแม่ที่อายุยังน้อย มีแนวโน้มที่จะเรียนไม่จบหรือไม่ได้เรียนในระดับอุดมศึกษา ส่วนอีกงานวิจัยหนึ่งพบว่า ระดับการศึกษาของคุณพ่อคุณแม่เมื่อเด็กมีอายุ 8 ขวบ จะส่งผลกระทบต่อความสำเร็จในหน้าที่การงานของเด็กในอีกสี่สิบปีข้างหน้า

6.สอนให้เด็กเรียนรู้คณิตศาสตร์อย่างจริงจัง การให้เด็กเรียนรู้คณิตศาสตร์อย่างจริงจังตั้งแต่ยังเล็กๆ นอกจากทำให้ผลการเรียนดีขึ้นแล้ว มันยังช่วยให้ทักษะการอ่านของเด็กดีขึ้นอย่างมากไปด้วย

7.คุณพ่อคุณแม่ที่เอาใจใส่ลูกอย่างยิ่งยวดในช่วงอายุสามขวบแรก จะส่งผลต่อการเรียนรู้ที่ดีของตัวเด็กไปจนถึงวัยทำงาน การให้ความรักและเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง เป็นเหมือนกำแพงป้องกันอันตรายและเสริมสร้างความแข็งแรงทางจิตใจให้กับเด็กๆ ทำให้เติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์และมั่นคง

8.ผู้ปกครองที่ไม่แสดงความหดหู่หรือเคร่งเครียดให้บุตรหลานได้เห็น จะส่งผลต่อบุคลิกภาพและความประพฤติของบุตรหลานในทางที่ดียิ่ง มันเป็นเหมือนกับโรคติดต่อครับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่แสดงออกถึงความสุข ลูกหลานที่อยู่ด้วยก็จะได้รับอานิสงส์แห่งความสุขนี้ไปด้วย

9.ผู้ปกครองที่สนับสนุนและให้กำลังใจบุตรหลานให้กล้าเผชิญหน้ากับความผิดหวังในสิ่งที่ตั้งใจทำแล้วไม่สำเร็จ โดยไม่ปกป้องบุตรหลานของตนจนเกินไป จะทำให้ลูกหลานไม่กลัวความล้มเหลวและอดทนต่อสู้ต่อไปเพื่อบรรลุจุดหมาย บุตรหลานจะนำเอาความล้มเหลวมาเป็นแรงบันดาลใจในการก้าวต่อไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ สรุปได้ว่า ไม่ต้องกลัวลูกล้มเหลวและปกป้องเค้ามากเกินไป ล้มได้ก็ลุกได้ และก้าวต่อไปหลังจากล้มไปก่อนหน้านี้นี่มันจะกลายเป็นก้าวกระโดดเลยครับ

10.คุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้านและต้องเลี้ยงดูบุตรหลานไปด้วยมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อเด็กในเรื่องของการพัฒนาตัวเอง รู้จักรับผิดชอบตัวเองได้เร็วกว่าปกติ ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าคุณแม่ที่เลี้ยงลูกอย่างเดียวโดยไม่ทำงานจะไม่ดีนะครับ ขึ้นอยู่กับการวิธีการเลี้ยงดูมากกว่าว่าจะโอ๋เด็กจนทำอะไรไม่เป็นเลยหรือไม่

11.ความจริงที่เจ็บปวดก็คือ คุณพ่อคุณแม่ที่มีฐานะแลหน้าที่การงานที่ดี มีโอกาสสูงที่ลูกหลานจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพราะสามารถให้การสนับสนุนการเรียนของเด็กได้อย่างเต็มที่ แต่ก็อยู่ที่บุตรหลานด้วยนะครับว่าตอบสนองต่อการผลักดันของคุณพ่อคุณแม่หรือไม่

12.กลยุทธ์ในการเลี้ยงดูบุตรหลานแบบสายกลาง คือไม่ปล่อยปะละเลยจนเกินไป แล้วก็ไม่เผด็จการจนเกินเหตุ จะทำให้พัฒนาการของเด็กไปในทางที่ดีและมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต ผู้ปกครองที่ใช้ความพยายามในการชักจูงบุตรหลานให้ปฏิบัติตามสิ่งที่ตัวเองคิดโดยต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนในการอธิบายเหตุผล จะช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จมากกว่าการพยายามยัดเยียดให้ทำโดยไม่บอกเหตุผล หรือยอมเด็กจนเกินไป

13. การส่งเสริมให้เด็กมีจินตนาการและมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนจินตนาการให้เป็นความจริงให้ได้ จะช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานในระยะยาว คุณพ่อคุณแม่ควรช่วยสนับสนุนฝันที่ดีๆของเด็กและเป็นกำลังใจให้เรื่อยๆนะครับ

คำแนะนำดังกล่าวข้างต้นน่าจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากเห็นบุตรหลานของตนมีความสุขและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและได้ทำงานที่ตนเองรักและใฝ่ฝัน คงต้องช่วยกันดูแลลูกหลานของตนและให้กำลังใจพวกเขาต่อไปนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น