Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

ไอคิว vs อีคิว

ไอคิว vs อีคิว



เห็นเด็กๆหลายคนสนใจเรื่องการบิน อยากเป็นนักบิน อยากจะบังคับเครื่องบินด้วยตัวเอง อยากจะแต่งชุดหล่อเดินตามสนามบิน ผู้คนมองด้วยสายตาชื่นชม

บางคนกว่าจะหันมาเลือกทางเดินนี้ก็เมื่ออายุมากพอสมควร ดั้นด้นหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวสอบ เดินเข้าโรงเรียนกวดวิชาหวังว่าจะช่วยสานฝันให้เป็นจริงได้ คำถามคือ ตัวเรานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นที่ต้องการของสายการบินได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ได้ด้วยหรือ?

ผมเฝ้าสังเกตุการเปลี่ยนแปลงนี้มาพักใหญ่แล้วครับ เพื่อนร่วมรุ่นของผมบางคนหาโผสอบ วิธีการทำข้อสอบ รวมหัวกันติวเข้ม คิดเอาเองว่า การเป็นนักบินนี่มันต้องทำข้อสอบเก่ง บางคนเมื่อสอบเสร็จแล้ว มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ บอกกับทุกคนว่าสอบได้แน่นอนเพราะทำได้ทุกข้อ แต่กลายเป็นคนผิดหวังเมื่อ
ลการคัดเลือกประกาศออกมาว่าไม่ได้

ในความเห็นส่วนตัว การจะประสบความสำเร็จในการสอบเป็นนักบินนั้น ใครที่ "พร้อม" มาตั้งแต่เด็ก ดูจะได้เปรียบมากกว่าใคร ครอบครัวที่สนับสนุนให้เด็กของตนได้ฝึกทักษะหลายด้านตั้งแต่เด็กนั้นจะมีโอกาสที่จะเป็นผู้ที่เลือกงานมากกว่างานเลือกตน

ผมได้รู้จักกับนักบินหลายร้อยคน เคยพูดคุยและสังเกตุอากัปกิริยาของคนเหล่านี้ และลองสรุปดูว่าอะไรที่ทำให้เขาเหล่านี้ถูกคัดเลือกมาทำหน้าที่นักบินพาณิชย์ของสายการบิน

1.เป็นผู้มีไหวพริบดี ช่างสังเกต เห็นอะไรแปลกไปก็มักจะตั้งคำถามในใจเสมอว่ามันเกิดจากอะไร แล้วจะแก้ไขอย่างไรให้มันกลับมาปกติ

2.มีมารยาทที่ดี ข้อนี้เกิดจากการเลี้ยงดูโดยผู้ปกครอง ใครที่มีครอบครัวอบอุ่น เลี้ยงดูบุตรหลานทั้งกายและใจ เด็กจะแสดงออกซึ่งความมั่นใจและมีความเคารพนอบน้อมต่อผู้อาวุโสกว่าโดยไม่เก้อเขินที่จะทำ

3.ความอดทน เด็กที่ถูกฝึกมาให้อดทน อดกลั้น ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ตีโพยตีพาย มักจะได้แต้มต่อในตรงนี้อย่างมาก ผมเคยลองสร้างแรงกดดันให้กับรุ่นน้องก็บ่อยครั้งเมื่อทำการฝึก พบว่านักบินที่ถูกคัดเลือกมานั้นเกือบทั้งหมดสามารถรับมือกับความกดดัน และประคับประคองตัวเองให้ผ่านสถานการณ์จำลองที่สร้างขึ้นมาให้แก้ไขปัญหาไปด้วยดีเสมอ

4.รู้จักวิธีการพูดจาให้น่าเชื่อถือและเหมาะสม เรื่องนี้ครอบครัวมีส่วนอย่างมากครับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้ เด็กๆก็มักจะถอดแบบที่ดีมาเลย การแสดงออกด้วยการพูดจาในลักษณะที่ฟังแล้วไม่ก้าวร้าวและไม่อ่อนแอเกินไป มันต้องได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็กครับ

5.ยอมรับในสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างสงบ ไม่หุนหันพลันแล่น มีสติในการรับรู้และค้นหาทา
ออกในการแก้ปัญหาดังกล่าว เรื่องนี้ต้องฝึกฝนกันตั้งแต่เด็กถึงจะดี คุณพ่อคุณแม่ต้องสมมติสถานการณ์ให้เด็กของตนได้คิดบ่อย

6.เป็นคนที่สร้างภาพในสมองเก่ง เรียกว่ามี Situational awareness มองเห็นปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นหากสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมยังคงไม่ได้รับการแก้ไข และสามารถจัดการกับสถานการณ์นั้นได้ทันท่วงทีตามลำดับขั้นตอนอย่างเหมาะสม

7.เก่งในการทำงานเป็นทีม ทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตาม บางคนถนัดนำอย่างเดียว ยืนหน้าชั้นสั่งการ ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่พอใจ บังคับให้ทีมงานคิดเหมือนทุกอย่าง อย่างนี้ก็เป็นคนที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะกับการเป็นนักบินพาณิชย์ หรือทำตัวเป็นผู้ตามอย่างเดียวและอย่างดี ไม่กล้าแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อภารกิจ อันนี้ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน

8.เล่นกีฬาและทำกิจกรรมจำนวนมาก คนเหล่านี้จะมีทักษะในการวางแผนและทำงานเป็นทีม ผลพลอยได้ก็คือสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เจ็บป่วยง่าย จิตใจก็แจ่มใสตามมา

ทุกข้อที่กล่าวข้างต้นนี้ จะสังเกตุเห็นว่า ครอบครัวมีส่วนสำคัญอย่างมากในการหล่อหลอมเด็กๆให้พร้อมที่จะเป็นได้ทุกอย่างที่เขาอยากจะเป็นเมื่อเติบโตขึ้น เขาจะกลายเป็นผู้ที่อยู่ในหัวแถวที่จะได้เลือกงานที่ชอบ มิใช่เป็นหนึ่งในช้อยส์ที่จะถูกเลือก ไม่ว่าจะดำเนินชีวิตในสายงานใดก็มีโอกาสประสบความสำเร็จและมีความสุขในทุกเส้นทาง

ผมขอสนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองลองพิจารณาดูนะครับ ยิ่งเตรียมให้พร้อมได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีต่อเด็ก ในประเทศไทยยังไม่มีโครงการในลักษณะนี้ที่เตรียมพร้อมเด็กที่ต้องการก้าวเข้าสู่สายงานอาชีพนักบินพาณิชย์ คงจะดีไม่น้อยหากมีโครงการลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้น เราจะได้บุคลากรที่ถูกบ่มเพาะมาเพื่อเป็นนักบินพาณิชย์ทั้งกายและใจ เป็นผลดีต่อทั้งอุตสาหกรรมการบินของประเทศที่กำลังประสบปัญหาในการผลิตนักบินอยู่ในปัจจุบันนี้

เริ่มก่อน ได้เปรียบนะครับ น่าสนมั๊ย?

-------

Pix credit: www.aviationcv.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น